สัมภาษณ์พี่เตย ประสบการณ์ 2 ประเทศ เรียนจีนเซี่ยงไฮ้ แบกเป้เที่ยวโตเกียว
วันนี้พี่กิฟ NT Education พา น้องเตย ศศธร ตั้งสันติกุลานนท์ ที่กำลังเรียนอยู่ที่คณะ เศรษฐศาสตร์ จุฬา ที่เคยไปโปรแกรม Study and Backpack ที่ผ่านมานะคะ สดๆร้อนๆเลย มาเล่าประสบการณ์การไปเรียนที่เซี้ยงไฮ้ และไปเที่ยวต่อแบคแพคด้วย ว่าเค้าจะรู้สึกยังไง ไปถึงเป็นยังไงบ้าง แล้วได้รับประสบการณ์ดีๆอะไรบ้างจากการไปโปรแกรมนี้มา 1 เดือนเต็มนะคะ
สวัสดีทุกคน…. ต้องขอบอกก่อนเลยว่าเราไม่เคยสมัครโปรแกรมอะไรแนวๆนี้มาก่อนเลย แต่ช่วงนั้นพอดีเพิ่งได้เริ่มเรียนภาษาจีนมาประมาณ 1 เดือน แล้วรู้สึกว่าเป็นภาษาที่น่าสนุกดีก็เลยอยากลองใช้ดู มีอยู่วันนึงเดินผ่านบูทที่พี่ๆ NT Education ไปจัด มีไปเรียนภาษาจีนที่จีนต่อด้วยแบคแพคทริปต่อก็เลยรู้สึกสนใจขึ้นมา ก็เลยเดินย้อนกลับไปขอรายละเอียดแต่ตอนแรกก็คิดในใจอยู่แล้วว่าคงไม่ได้ไปหรอกเพราะที่บ้านก็ค่อนข้างห่วงเรื่องความปลอดภัย กลัวโดนหลอกต่างๆนานา แต่เพื่อนก็บอกว่าลองไปเข้าดูรายละเอียดก่อนก็เลยตัดสินใจเข้าไปฟังพอฟังเสร็จแล้วแบบอยากไปมากกกกกกกกกก ไปทีเดียวได้ประสบการณ์ตั้ง 2 ประเทศแน่ะ 🙂 แล้วพอพี่ๆเอารูปของรุ่นก่อนๆมาให้ดูก็ได้เห็นรุ่นพี่ตัวเองที่คณะเศรษฐศาสตร์ยิ่งทำให้รู้สึกว่ามันโอเคชัวร์ ขนาดพี่ที่เรารู้จักยังไปมาแล้วเลย พอสุดท้ายไปขอที่บ้านและชวนเพื่อนได้สำเร็จก็แฮปปี้กันไป ในที่สุดฝันก็เป็นจริงมันเป็นอะไรที่โคตรฟินอ่ะ >///<
พอมาถึงมหาลัยในเซี่ยงไฮ้ก็ประทับใจอากาศสุดๆ 55555+ ลมจะแรงไปไหน — พายุเข้าหรอคะคุณ ฮ่าๆ อากาศเย็นดีค่าแต่อยากเจอหิมะอ้ะ วันแรกๆอาจจะยังปรับตัวไม่ได้ ในวันแรกของการเรียนจีนนั้นกดดันมากกกกกกกก แต่ไม่ได้กดดันเพราะมันยากนะ กดดันที่ว่าเพื่อนร่วมห้องจ่ะ… เราสอบได้เรียนในชั้นที่มีแต่เพื่อนต่างชาติเป็นเกาหลี ไอเราตัวคนเดียวไม่รู้จะทำตัวยังไงเลย พอเหล่าซือให้พักทุกคนก็หันไปโฟ่เกาหลีใส่กัน เราก็อยู่อย่างโดดเดี่ยวต่อไป เพราะบางทีห้องของเพื่อนเราก็ไม่ได้ปล่อยพักตรงกะเราน่ะ บางทีก็คิดอยู่ลึกๆนะว่าพวกเอ็งควรมาทักข้าก่อนม้ายยยยยยยยย ข้าตัวคนเดียวนะเฟร่ยยยยย ฮึ่ยยย แล้ววันแรกก็ผ่านไปโดยที่ไม่ได้เพื่อนใหม่หรือคุยกะเพื่อนในห้องสักคำเลยยยยยยยย เศร้าใจจริงๆ พอกลับไปที่หอพักก็ไปเล่าให้เพื่อนฟังว่า “ความจริงเราอยู่ได้นะเว่ยที่วันๆเรียนให้ผ่านๆไปโดยไม่คุยกะคนในห้องแต่แค่รู้สึกขาดทุนที่ไม่ได้รู้จักเพื่อนใหม่เลยว่ะ” “อิจฉาพวกแกจังที่อย่างน้อยเค้าก็มาทักพวกแกก่อน เรานี่ไม่รู้จะเริ่มไงเลยจริงๆ” พอไปเรียนวันที่สองช่วงพักเหล่าซือที่น่ารักมากๆ เค้าเดินเข้ามาถามเราว่า เรียนเป็นยังไงบ้าง เข้าใจมั้ย ยากไปรึเปล่า ไอเราก็ตอบไปว่าไม่ยากฮ้าบบบบ ตามทันอยู่ เราก็ได้ไปปรับทุกข์กะเค้าว่า เรา have no friends in thisroom เลยยยยยยย เค้าก็ขำนิสๆแล้วตอบกลับมาว่า เดี๋ยวเค้าจะเป็นเฟรนด์กับเราให้แทน เค้าน่ารักมากจริงๆรู้สึกซึ้งใจสุดๆอุ่นใจด้วยที่ในที่สุดผมก็มีเพื่อนแล้วครับบบบบบ 555555555+ ประเด็นคือได้เป็นเพื่อนกับครูซะด้วย เจ๋งเป้งไปเลยย วันต่อมาเราก็เริ่มได้คุยกับเพื่อนเกาหลีละ เย่!!มีคนนึงเค้าหนีห่าวใส่เราก่อน เราก็แบบจะรอไรล่ะจ้ะ เข้าไปถามชื่อถามนู่นนี่นั่นเสร็จสรรพเลยยยยยยย โชคดีที่เพื่อนเกาหลีคนนี้เป็นคนน่ารักมากๆแล้วก็เค้าไปมาหลายประเทศแล้วก็เลยพูดอังกฤษโอเค ฟังรู้เรื่องเพราะสำเนียงบางคนคือฟังยากจริง-0- อีกอย่างเค้าเคยไปเที่ยวที่ประเทศไทยมาด้วยก็เลยคุยกันเพลินเลยแหละ รู้สึกชีวิตตัวเองดีขึ้นสิบแปดล้านเท่า^^
พอวันต่อมาหันไปทางด้านซ้ายมือของตัวเองกะว่าจะถามชื่อแล้วเมคเฟรนด์ พอหันไปปุปเพื่อนเกาหลีก็ดูเหมือนรอจังหวะเราหันมาเหมือนกันเค้าก็เลยทักเรามาก่อนว่าหนีห่าว ถามชื่อและก็อายุเป็นภาษาจีนแต่พอคำถามที่ทั้งเค้าและเราอยากรู้มันยากขึ้นก็เลยตัดสินใจมาใช้ภาษาอังกฤษกันแทน 55555+ วันนี้ได้ชื่อเพื่อนเพิ่มมา 6 คนเลยแหละ ดีใจสุดๆเริ่มรู้สึกอยากมาเรียนมากขึ้นแต่มันก็ทำให้เราต้องพยายามหาเรื่องไปคุยกะพวกเค้าในทุกพักเลยแหละ เหนื่อยเหมือนกันนะแต่เพื่อมิตรภาพที่ดีเราต้องทำมัน อิอิ คนเกาหลีเนี่ยเหมือนจะมีทักษะการเขียนภาษาจีนอยู่นิดๆซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าอิจฉามากกกกกก แต่เค้าก็มาบอกเรากลับว่าอิจฉาที่เราสามารถออกเสียงตามเหล่าซือได้ชัดเจนเพราะเค้าบอกว่าการออกเสียงที่มีวรรณยุกต์สำหรับพวกเค้ามันยากมากๆ ในทุกๆวันทั้งฝ่ายเราและฝ่ายเค้าจะพยายามชวนกันคุยภาษาจีนบ้าง อังกฤษบ้างปนๆกันไป สนุกดี ฮ่าๆ
พอถึงวันเสาร์ทางมหาลัยก็พานักเรียนทั้งหมดไปทัศนศึกษาก็ได้ไปพิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ ได้ไปสวนอวี้หยวน และก็ฝั่ง pudongซึ่งจะมองเห็นอีกฝั่งเป็นwaitan วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ถ่ายรูปกะเพื่อนๆในห้อง ซึ่งเพื่อนๆทุกคนน่ารักมากจริงๆ ทุกคนเป็นกันเองและบ้ากล้องเหมือนกันหมด ฮ่าๆๆ โชคดีของเราไป และวันก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น บางวันก็ได้ไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนเกาหลีของน้องแบมบ้าง แบมบ้าง เพื่อนกิ๊กกับไหมด้วย มันเป็นอะไรที่เกินคาดหวังไปแล้วน่ะ พอได้ไปกินข้าวกะเพื่อนห้องอื่นก็เลยทำให้ได้รู้จักเพื่อนมากขึ้น ชีวิตก็ดีขึ้นไปอีก เพื่อนห้องน้องแบมน่ารักมากๆ มีการชวนไปปาร์ตี้ที่ห้องพักของพวกเค้าเอง มันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของทุกคน พวกเค้าเตรียมขนมและก็อาหารไว้เยอะมากกกกก จนเรารู้สึกเกรงใจขึ้นมาทันที พวกเราก็เริ่มคุยและก็กินและก็เล่นเกมกันมันเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำมากกก ใครจะไปคิดว่าพวกเราจะสนิทกันได้มากขนาดนี้ พอเริ่มดึกเพื่อนเกาหลีก็หยิบไมโครโฟนของเล่นออกมาจัดเป็นรายการขึ้นมา รายการพูดความในใจ มีหลายคนน้ำตาแตกเลย ณ จุดนี้ มันซึ้งเกินไป มันรู้สึกสัมผัสได้ถึงคำว่ามิตรภาพ จริงๆ ทุกคนพูดเหมือนกันว่ามันเป็นเพราะโชคชะตาที่ทำให้พวกเราได้มีโอกาสมารู้จักกันทั้งๆที่อยู่กันคนละประเทศ พูดกันคนละภาษาแต่สุดท้ายพวกเราก็ได้มาเป็นเพื่อนกัน 🙂 และก็จะเป็นตลอดไป… จนใกล้วันจะกลับเราก็บอกเพื่อนเกาหลีในห้องของเราว่าเราใกล้จะกลับละนะ ทุกคนตกใจมากเพราะพวกเค้าคงคิดว่าเราน่าจะเรียนอยู่จนจบคอร์สเหมือนพวกเค้าซึ่งเพื่อนเกาหลีนั้นมาเรียนในโปรแกรม 6อาทิตย์แต่พวกเรามาเรียนกันเพียง 3 อาทิตย์เท่านั้น พวกเค้าก็ถามเราว่าจะมาเรียนวันสุดท้ายวันไหน? แล้วก็ถามว่าจะกลับประเทศเลยหรอเราก็บอกว่าเปล่า เดี๋ยวเราจะไปแบคแพคต่อที่ญี่ปุ่น ทุกคนดูอยากจะปาดคอเรามาก ฮ่าๆๆๆ เอาจริงพอมันใกล้วันที่จะต้องไปจากเซี่ยงไฮ้แล้วมันใจหายมากๆอ่ะ คนที่สนิทๆกะเราก็เข้ามาบีบมือแน่นมากบอกว่าไม่อยากให้ไปเลยยย มันเร็วเกินไปที่เธอจะกลับไปปปป โอ้โหหหหหห…ได้ยินมาแบบนี้น้ำตาเกือบจะไหล-0- แล้ววันที่ไม่อยากให้มาถึงมันก็ดันมาถึงซะนี่…..วันนี้เราเตรียมขนมและก็การ์ดเล็กๆมาแจกให้กับเพื่อนทุกคนในห้อง หวังว่าทุกคนจะชอบมันนะ 😉 เราขอครูไปถ่ายรูปรวมให้กับห้องน้องแบมพอขึ้นมาที่ห้องเท่านั้นแหละ ชอคค่ะ…….ก็งงว่าทำไมไฟในห้องถึงปิดพอเปิดประตูเข้าไป โอ้มายยยยยยยยยยยยยยยย มีเค้กปอนด์จุดเทียนไว้เรียบร้อยเลยฮะ โอ้ยยยย พูดแล้วยังขนลุกอยู่เลยย คือไม่ได้คิดไว้เลยจริงๆว่าเพื่อนๆในห้องจะทำให้ขนาดนี้อ่า เพราะว่าบางคนก็ไม่ได้สนิทมากเท่าไหร่ รู้สึกว่าขนมที่ตัวเองเตรียมมามันต๊อกต๋อยไปเลย ณ จุดๆนั้น 55555+ แล้วก็มีเพื่อนประมาณ5คนเอาโปสการ์ดมาให้ด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกว่าไอการ์ดแผ่นจิ๋วที่เราเตรียมมา…เอิ่มมมมเทียบไม่ติดเลยจ้า……แล้วพวกเราก็กินเค้กกันอย่างเมามันส์รวมทั้งเหล่าซือด้วย คิ้วท์ฝุดๆ ><
พอวันต่อมาตอนเช้าก่อนเรียนบ่ายพวกเรามีเวลาว่างนิดหน่อยเลยแวะมาหาเพื่อนๆของแต่ละคน พอมาถึงห้องเราก็เจอเหล่าซือคนที่น่ารักๆ เค้ามีของมาให้เราก่อนไปด้วยอ่ะ โอ้ยยยยย ซึ้งงงงงงง ทำไมใจดีและก็เป็นกันเองขนาดนี้-3- เราเข้าไปหาเพื่อนในห้องที่สนิทแล้วก็พูดประโยคน่าอายออกมา ฮ่าๆๆๆๆๆ เราบอกเค้าไปว่า this day is really last day for me…can I hug you before I go? 😉 และคำตอบที่ได้ก็คือ Sure!! แล้วพวกเราก็กอดกันทีละคนแล้วก็พูดคุยกันนิดหน่อยเพราะเราก็เกรงใจที่ไปขัดจังหวะการเรียนของพวกเค้านิสๆ หุหุ ประสบการณ์ทั้งหมดในเซี่ยงไฮ้มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไปแต่ขอบอกตรงนี้เลยว่าที่ดีมีมากถึง 99 เปอ อีก 1 เปอ เราขอยกให้พวกคนจีนนอกมหาลัยที่สูบบุหรี่เยอะ ไม่ชอบเป็นการส่วนตัววววววว ฮ่าๆๆๆๆๆ อาหารรอบๆมหาลัยก็โอเคเลยนะ ราคาเป็นกันเองสุดๆไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พวกเราจะไปหากินกันไกลๆม.เพื่อรายยยยยยย ในทุกๆเย็นพวกเราก็จะไปเที่ยวที่ต่างๆในเซี่ยงไฮ้ บอกเลยว่าไปหอไข่มุกมา 4 รอบละ 555+ ได้นั่งรถรอบเมืองเซี่ยงไฮ้ และก็การไปสถานที่ที่สำคัญต่างๆของเซี่ยงไฮ้ค่อนข้างสะดวกเลยเพราะว่ามีรถไฟฟ้าเชื่อมกันอย่างน่าตกใจ ชอบมากตรงนี้..สะดวกจริงๆถึงจะมีหลายสายแต่ว่าที่เซี่ยงไฮ้แบ่งสีให้รถไฟฟ้าแต่ละสายได้ดีทำให้ไม่งงเลย เปลี่ยนสายรถไฟกันอย่างมันส์
พอมาถึงโตเกียวแล้วนั้นก็ถึงเวลาเที่ยวจ้า ก็สนุกมากๆเลยมีร้านชอปปิ้งตัวการ์ตูนเต็มไปหมด บอกเลยว่าถ้าใครชอบการ์ตูนญี่ปุ่นนั้นนนน…..ก่อนมาญี่ปุ่น ควรเตรียมเงินมาแปดล้านนนนเห็นจะได้ คือทุกสิ่งน่าซื้อหมดดดด ของที่เป็นการ์ตูนเยอะมากๆฟินสุดดด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเราที่มาญี่ปุ่นแต่โดยส่วนตัวไม่ได้อะไรกับญี่ปุ่นมากอยู่แล้วเพราะอยากไปเกาหลีมากกว่า แต่เพื่อนอยากมาญี่ปุ่นกันก็เลยตามมาเพราะคิดว่าญี่ปุ่นอาจจะให้มุมมองอะไรใหม่ๆกะตัวเราก็ได้ แล้วก็เคยได้ยินจากคนรอบข้างมาบ้างว่าญี่ปุ่นเที่ยวง่าย คนก็น่ารักนอบน้อม ใจดีสุดๆ มาญี่ปุ่นครั้งนี้สิ่งที่ประทับใจมากสุดน่าจะเป็น ดิสนีย์แลนด์ ขอบอกตรงนี้ไว้ก่อนว่าไม่ได้ชอบตัวการ์ตูนอะไรในดิสนีย์เป็นพิเศษเลย ซึ่งไอการที่เราไม่ชอบอะไรเลยเป็นพิเศษเลยเนี่ยแหละทำให้เราหมดตัวง่ายที่สุดดดดดดดด เพราะทุกสิ่งอย่างน่ารักหมดดดดดดด โฟกัสกันไม่ถูกเลยทีเดียวววว ตายสถายเดียว ณ จุดนี้ ฮ่าๆๆๆๆ มาดิสนีย์คราวนี้เล่นเครื่องเล่นไปแค่2เครื่องเท่านั้นเพราะว่าความขี้เกียจไปต่อแถวของตัวเองก็เลยชวนพี่ป่านเดินชอปปิ้งแล้วก็เดินรอบๆดิสนีย์แทน ซึ่งการที่เราสองคนไม่ไปเล่นเครื่องเล่นทำให้พวกเราทั้งคู่ได้ดูขบวนพาเหรดทั้งตอนบ่ายและตอนกลางคืนรวมไปถึงตอนก่อนปิดสวนสนุกนั้นก็ยังมีการฉายการ์ตูนไปยังปราสาทดิสนีย์แลนด์อีกด้วย รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกมากๆที่ไม่ไปเล่นเครื่องเล่นทำให้ไม่พลาดพาเหรดเลยสักรอบ ฟินมากๆพาเหรดดีมากจริงๆเหมือนการ์ตูนวัยเด็กหลุดออกมาจากจอจริงๆ ชอบมาก และก็ได้มีเวลาเลือกซื้อของนาน ได้ของคุ้มราคาเพราะเราไม่ต้องรีบร้อนซื้อ ค่อยๆเลือกกันไป วันอื่นๆก็ได้ไปชอปปิ้งปกติที่ ฮาราจูกุ ชินจูกุ ชิบูย่า ย่านอุเอโนะ ชอบที่พักนะใกล้สถานีรถไฟสุด แต่ไม่มีบันไดเลื่อนนี่เป็นปัญหานิดหน่อยตอนยกกระเป๋า ฮ่าๆ แต่ไม่เป็นไร พวกเราหญิงถึกแห่งเอ็นที แค่นี้ชิลๆ 5555