สัมภาษณ์พี่ริน นักศึกษาแพทย์โปรแกรม MBBS จาก Kunming Medical University
แนะนำตัวหน่อยค่า
ชื่อ รินทร์ลภัส วัฒนศิริรักษ์ค่ะ ชื่อเล่นชื่อรินค่ะ อายุ16ปีค่ะ
เรียนจบจากที่ไหน และกำลังจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยไหนค่ะ
เรียนจบม.4 จากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยค่ะ และกำลังจะไปเรียนต่อที่ KUNMING MEDICAL UNIVERSITY ค่ะ
ทำไมเราถึงเลือกเรียนต่อที่ประเทศจีนคะ
เพราะจีนเป็นประเทศที่มีมหาวิทยาลัยชื่อดังมากมาย มีระบบการศึกษาที่เข้มข้นเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก หลักสูตรแพทย์ที่จีนมีให้เลือกทั้งภาคธรรมดาและอินเตอร์ และเป็นหลักสูตรที่ WHO ยอมรับ เป็นประเทศที่อยู่ใกล้ประเทศไทยมาก เดินทางสะดวก ใช้เวลาเดินทางสั้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อที่ประเทศจีน ทั้งค่ากินค่าเรียนค่าหอพักรวมแล้วราคาถูกกว่าการไปเรียนต่อที่ประเทศอื่นๆ อีกทั้งภาษาจีนเป็นภาษาที่ปัจจุบันจัดว่าเป็นภาษาที่สำคัญอันดับต้นๆ การที่เราสามารถสื่อสารภาษาจีนได้ เราก็จะได้รับประโยชน์หรือโอกาสที่ดีมากขึ้นค่ะ
เลือกไปเรียนที่มหาวิทยาลัยใดในประเทศจีน และเหตุผลที่เลือกมหาวิทยาลัยนี้
เลือกไปเรียนที่ KUNMING MEDICAL UNIVERSITY เพราะมหาลัยตั้งอยู่ที่เมืองคุนหมิง เป็นเมืองเอกในมณฑลยูนนาน มีภูมิอากาศเย็นสบาย ฤดูหนาวอากาศไม่หนาวจัดและฤดูร้อนอากาศไม่ร้อนจัด เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพไม่สูงมากเท่าปักกิ่งหรือเซียงไห้ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย และใช้เวลาเดินทางเพียง2-3ชั่วโมง นอกจากนี้ที่KMU ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ WHO ยอมรับ การจะไปเรียนต่อสาขาเฉพาะทางที่ต่างประเทศก็เป็นเรื่องง่ายค่ะ
รู้จักศูนย์ NT Education จากช่องทางไหน และทำไมถึงตัดสินใจเลือกใช้บริการของ NT Education เป็นผู้ดำเนินการสมัครและให้คำแนะนำในการไปเรียนศึกษาต่อ
รู้จักศูนย์ NT Education จากเพื่อนค่ะ เพื่อนและรินช่วยกันหาเอเยนต์ในการไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน แล้วเพื่อนรินก็เจอศูนย์ NT Education เราทั้ง2จึงศึกษาจากทางหน้าเวปของศูนย์และได้ลองโทรติดต่อไปสอบถามจนมั่นใจ เราทั้ง2จึงวางใจให้ที่ศูนย์ NT Educationเป็นผู้ดำเนินการสมัครและให้คำแนะนำในการไปเรียนศึกษาต่อที่ประเทศจีนค่ะ
มีความประทับใจในการให้บริการของ NT Education ตรงส่วนไหนมากที่สุด
ประทับใจในการให้บริการของ NT Education ทุกๆส่วนเลยค่ะ แต่ที่ประทับใจที่สุดคือประทับใจพี่ๆที่NT ค่ะ พี่ๆช่วยเหลือรินดีมาก ทั้งในเรื่องการเตรียมเอกสารต่างๆ การเรียนภาษาจีน ให้คำปรึกษาในเรื่องที่รินไม่เข้าใจหรือสงสัยจนรินเข้าใจ แล้วรินยังสามารถติดต่อหรือสอบถามได้ทั้งทางโทรศัพท์ ไลน์ หรือเมลล์ได้เสมอๆ
เรามีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างเพื่อจะไปเรียนในครั้งนี้ ก่อนไปคาดหวังต่อการไปเรียนอย่างไรบ้าง และเมื่อไปเรียนแล้วเราคาดว่าเราจะมีการปรับตัวอย่างไร และมองอนาคตหลังเรียนจบอย่างไรบ้าง
รินมีการเตรียมตัวก่อนไปเรียนคือการไปเรียนภาษาจีนเพิ่ม เรียน BIO เพิ่ม และเรียนภาษาอังกฤษค่ะ หาTEXT BOOK ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่เราคิดว่าเราอ่านแล้วเข้าใจ มีประโยชน์ในการนำไปประกอบการเรียนแพทย์ที่คุนหมิง และว่างๆก็ฟังเพลงภาษาจีน ภาษาอังกฤษว่าเราเข้าใจเนื้อหามากแค่ไหน ดูSERIES หรือหนังเป็นภาษาอังกฤษ ใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาจีนให้ชิน หัดทำกับข้าวทานเอง ทำงานบ้านเองเพื่อให้รินชิน และจะสามารถอยู่ได้โดยไม่มีคุณพ่อคุณแม่คอยช่วยค่ะ ก่อนไปคาดหวังต่อการไปเรียนว่ารินจะสามารถเรียนได้รู้เรื่อง และจะสามารถทำได้ดีที่สุด รินอยากเป็นหมอตั้งแต่เด็กๆเพราะอยากจะเดินรอยตามคุณพ่อที่เป็นหมอ รินจึงตัดความกลัวความกังวลออกไป แล้วมุ่งหน้าต่อเพื่อจะเรียนแพทย์ และจบมาเป็นคุณหมอที่ดี ที่สามารถช่วยเหลือคนอื่นๆได้อีกมากมายเหมือนคุณพ่อ รินมองอนาคตหลังเรียนจบว่ารินจะไปต่อเฉพาะทางที่อเมริกา เพราะรินอยากทำงานเกี่ยวกับทางนิติเวศ หรือไปก็ไปต่อทางCOSMETIC ไปFELLOW ตามมหาวิทยาลัยต่างๆเพื่อหาประสบการณ์ค่ะ
เราคิดว่าผลการเรียนตอนมัธยมสะท้อนความสามารถของน้องได้ถูกต้องหรือไม่ และเราคิดว่าเรามีจุดเด่นอย่างไรถึงได้รับการคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยในครั้งนี้
รินคิดว่าผลการเรียนตอนมัธยมไม่ได้สะท้อนความสามารถของรินได้ถูกต้อง เพราะจากระบบการศึกษาในประเทศไทยที่คนเก่งคนไม่เก่งวัดกันที่คะแนน หรือในเกรด ในตัวของรินเองก็มีผลการเรียนที่จัดว่าดีมาตั้งแต่เด็กๆ นั่นยิ่งทำให้รินคิดว่าความสามารถของรินไม่ได้วัดที่เกรดเท่านั้น ยังวัดที่การกระทำหรือสิ่งอื่นๆอีก เช่น รินสามารถเล่นเปียโนได้ ร้องเพลงได้ แต่ที่โรงเรียนก็ไม่เคยเอาความสามารถพิเศษเหล่านั้นมาใช้ในการตัดเกรด หรือให้คะแนนเลยสักครั้ง ส่วนในเรื่องจุดเด่นของรินซึ่งทำให้ได้รับการคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยในครั้งนี้ รินก็คิดว่าอาจจะเป็นความสามารถพิเศษต่างๆ ผลงานต่างๆที่เคยทำค่ะ
สุดท้ายนี้อยากให้ ฝากข้อคิดให้น้องๆหน่อยค่ะ
รินอยากจะฝากข้อคิดว่า คนเรามีศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเรามากมายเกินจะนับได้ ซึ่งศักยภาพเหล่านั้นถูกควบคุมด้วยความคิดของเราอยู่ ถ้าเราคิดว่าทำไม่ได้ เราก็จะทำไม่ได้ แต่ถ้าคิดว่าทำได้ ร่างกายจะดึงศักยภาพทั้งหมดที่มีมาเพื่อให้เราสามารถทำสิ่งนั้นๆได้ ความกลัว ความเศร้าเสียใจ ความผิดหวัง การโดนดูถูกเหยียดหยามมีไว้ผลักดันให้เราเดินหน้าต่อ ไม่ใช่ให้ท้อแล้วเดินถอยหลัง บางทีชีวิตของเราก็มีอะไรอีกมากมายให้พบเจอ เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนใครๆ หรือต้องทำตามใคร เพราะเราถูกสร้างมาให้แตกต่างกัน และในความแตกต่างนั้นก็มีความเป็นเลิศ ความดี และความสวยงามอยู่ในตัวเอง สุดท้ายนี้ขอยกตัวอย่างคำพูดที่รินชอบมากๆจากภาพยนตร์ที่รินประทับใจนะคะ
“Life is like a box a chocolate, you never know what you’re going to get.” – Forrest Gump-