การเตรียมตัวก่อนการเดินทาง เรียนต่อเมืองจีน
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นทาง ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศจีน เอ็น ที เอ็ดดูเคชั่น แอนด์ ทราเวล ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงที่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจในบริการของเราให้เป็นส่วนหนึ่งในการเลือกไปศึกษาต่อที่ประเทศจีน ทางเราจะดูแลด้านการเรียน ความเป็นอยู่ และด้านอื่นๆของทุกท่านอย่างดีที่สุดค่ะ
ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศจีน เอ็น ที เอ็ดดูเคชั่น แอนด์ ทราเวล ก่อตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการ แนะนำข้อมูล, ให้คำปรึกษาแก่นักเรียน, นักศึกษา และบุคคลทั่วไปที่ต้องการศึกษาต่อในประเทศจีน ไต้หวัน รวมถึงดำเนินการติดต่อประสานงานครบวงจร ตั้งแต่การสมัครเรียน ติดตามผล จัดหาที่พักตามความต้องการ ดำเนินการเอกสารต่างๆ รับส่งสนามบินฯลฯ และยังเป็นสถาบันสอนภาษาจีน ทุกระดับชั้น ให้กับนักเรียน, นักศึกษาและบุคคลทั่วไปที่สนใจและต้องการเรียนภาษาจีน เพื่อปูพื้นฐานด้านภาษาก่อนเดินทางด้วยค่ะ
การเตรียมตัวเรียนต่อเมืองจีน การเตรียมพร้อมเป็นสิ่งสำคัญ คราวนี้เราจะมาแนะนำการเตรียมความพร้อมสู่การเดินทางไปเรียนต่อประเทศจีนกันค่ะ
การเตรียมตัวด้านสุขภาพและจิตใจ ในเรื่องสุขภาพ เราต้องเตรียมความพร้อมเพราะการไปอยู่ที่ประเทศจีนก็ต้องให้ความสาคัญกับสุขภาพมากๆ โดยต้องสำรวจตัวเองว่าเรามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง เช่น ถ้ารู้ว่าเป็นภูมิแพ้ ไม่ชอบอากาศหนาว หรือว่าเป็นหวัดง่าย ก็ต้องปรึกษาแพทย์ว่าควรดูแลสุขภาพอย่างไร โดยตรวจสอบสภาพอากาศทางเวปไซด์ก่อนไป และเตรียมยาสำคัญๆให้เพียงพอกับระยะเวลาที่เราอยู่ต่างประเทศ และขอชื่อยาพร้อมรายละเอียดต่างๆที่จำเป็น เป็นภาษาอังกฤษ หากต้องไปหาซื้อเองหรือไปพบแพทย์ที่จีน
การเตรียมสัมภาระ การเดินทางเข้าประเทศจีนควรใช้กระเป๋าสัมภาระที่แข็งแรงและทนทาน เนื่องจากอาจเกิดความเสียหายขึ้นได้ระหว่างขนย้าย และควรนำของติดตัวไปเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนของใช้ประจำวันต่างๆสามารถหาซื้อได้ทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันตามเมืองใหญ่ต่างๆนั้น มีความสะดวกสบายไม่แพ้กรุงเทพฯค่ะ
ควรจัดกระเป๋าอย่างไร?
– กระเป๋าถือติดตัว จะต้องมีสิ่งของดังต่อไปนี้
– หนังสือเดินทาง (Passport)
– ตั๋วเครื่องบิน
– ปากกา สมุดจดเล่มเล็กๆ
– เงินสดติดตัว และบัตร ELECTRON
** จะต้องถ่ายเอกสารเก็บไว้ที่ตนเอง 1 ชุด และที่บ้าน 1 ชุด กรณีที่เกิดการสูญหายจะได้มีหลักฐานติดตามได้
ของเหลว กระป๋องฉีด ต้องมีขนาดบรรจุไม่เกิน100 มล. และต้องจัดเก็บไว้ในถุงพลาสติกใส เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ณ จุดตรวจได้
สิ่งของมีคมต่างๆ เช่น มีดพก กรรไกร รวมถึงภาชนะที่บรรจุน้ำหรือของเหลว ทางจีนจะขอให้เปิดเพื่อตรวจสอบ บางครั้งจะให้เราแสดงให้ดูด้วย สิ่งเหล่านี้บรรจุไว้ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่จะดีที่สุดจัดของใส่กระเป๋าใบใหญ่ (ไม่ควรใส่ของมีค่าและหนังสือเดินทางไว้ในกระเป๋าใบใหญ่)
**น้ำหนักกระเป๋าที่ได้ในแต่ละคนจะไม่เท่ากัน สามารถดูได้จากในตั๋วเครื่องบิน
**ในกรณีได้ 40 กก. กระเป๋าใบใหญ่ให้มี นน. ได้ไม่เกิน 30 กก.ต่อใบ (ในกรณีได้ นน. 40 กก. สำหรับตั๋วนักเรียน ควรแบ่งออกเป็น 2 กระเป๋า)
***กระเป๋าถือติดตัว สำหรับขึ้นเครื่อง ให้มีน้ำหนักรวมไม่เกิน 7 กก.
เครื่องสำอางค์ ยา และเวชภัณฑ์ต่างๆ ควรจะเตรียมไปเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาลดไข้ ยาแก้เจ็บคอ ยาแก้ไอ ยาแก้น้ำมูก ยาแก้ท้องเสีย ยาลดกรด ยาแก้ปวดประจำเดือน ฯลฯ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว และจำเป็นต้องใช้ยาบางอย่างที่มีสารเสพติด เช่น ยาลดความอ้วน หรือยานอนหลับบางประเภทอาจจะเป็นปัญหาในขณะเดินทางเข้าเมือง จึงควรที่จะมีใบรับรองจากแพทย์เป็นภาษาอังกฤษ หรือฉลากยาภาษาอังกฤษติดตัวไปด้วย
อาหารและเครื่องปรุงของไทยๆ เช่น บะหมี่กึ่งสาเร็จรูป น้ำพริกเครื่องแกง เครื่องต้มยำแบบซอง หรือแบบก้อน มะนาวผง พริกป่น น้ำปลา(ขวดพลาสติก) ผงปรุงรสต่างๆ ที่จีนมีร้านอาหารไทยแต่ราคาค่อนข้างสูง (บางเมืองไม่มี) หรือ รสชาติอาจไม่ค่อยถูกปากนัก เผื่อคิดถึงอาหารไทยขึ้นมาจะได้หยิบขึ้นมารับประทานเองได้ หรือทำให้เพื่อนๆต่างชาติ ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารไทยฝีมือเรา แต่ขอแนะนำว่า อย่านำไปเยอะจนเกินไป จะทำให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจ เค้าอาจสงสัยว่าเราจะไปเป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่ในประเทศเค้าก็ได้
เสื้อผ้าเครื่องต่างกาย เป็นที่รู้กันดีว่าประเทศจีนเป็นโรงงานโลก ฉะนั้นข้าวของเครื่องแต่งกาย ของใช้ต่างๆ ล้วนหาได้ง่ายและราคาถูกโดยเฉพาะเสื้อผ้า จึงไม่ต้องนำไปเยอะ ชุดเก่งที่ว่าในเมืองไทยอาจจะไม่เข้ากับสไตล์การแต่งตัวที่เมืองจีน เอาไว้ไปช้อปปิ้งฝึกภาษากับแม่ค้าที่เมืองจีนดีกว่า จากประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านๆมานักเรียนกลับจากจีนจะมีน้ำหนักกระเป๋าเกินในขากลับเป็นจำนวนมาก จะเกิดปัญหาทำให้สายการบินปรับเรื่องน้ำหนักกระเป๋าเกินได้ สิ่งใดที่คิดว่าสามารถหาซื้อที่เมืองจีนได้ก็แนะนำให้ไปซื้อที่จีน
ของฝากจากเมืองไทย ควรมีของฝากให้กับอาจารย์หรือเพื่อนๆชาวต่างชาติไว้เป็นที่ระลึก เช่น ของที่เป็นสัญลักษณ์ของไทย ไม่ต้องแพงมาก และ น้ำหนักเบา เช่น พวงกุญแจรูปช้างไทย หรือกระเป๋าที่ทำจากผ้าไหม ตามแต่เห็นสมควร
ของใช้ส่วนตัว เช่น ยาสีฟัน โฟมล้างหน้า สบู่ โลชั่น ฯลฯ นำไปแค่พอใช้ วันแรกๆเพราะว่าสามารถหาซื้อได้ที่จีน ราคาไม่ต่างจากเมืองไทยเท่าไหร่นัก และมีหลากหลายยี่ห้อให้เลือกใช้กัน
หนังสือ-ตำรา สำหรับตำราเรียนเล่มหลักๆ สามารถไปหาซื้อที่สถานศึกษาเมื่อไปถึงและรู้ระดับชั้นเรียนและวิชาเรียนเรียบร้อยแล้ว บางแห่งอาจจะมีร้านหนังสือใกล้ๆสถานศึกษา จำหน่ายตำราในราคาพิเศษด้วย แต่เราควรนำพจนานุกรมติดตัวไปด้วย หรือจะเป็นTalking Dict ทั้งไทย-จีน จีน-ไทย อังกฤษ-ไทย ส่วนอังกฤษ-จีน ไปหาซื้อที่เมืองจีนได้หนังสืออีกประเภทหนึ่งที่ควรนำไปอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีพื้นฐานภาษาจีนหรือยังพูดไม่ค่อยได้ คือ คู่มือสนทนาง่ายๆในชีวิตประจำวันพร้อมคำศัพท์สำคัญ เอาไว้เป็นตัวช่วยในช่วงแรกๆได้
เงินติดตัว ไม่ควรนำเงินสดติดตัวมากเกินไป และไม่ควรเก็บไว้ในกระเป๋าใหญ่ให้นำไปแค่พอจ่ายค่าเล่นเรียน ค่าหอ ค่ามัดจำครั้งแรก รวมทั้งแลกเงินหยวนแบงค์ย่อยๆ สำหรับค่าใช้จ่ายในวันแรกที่ไปถึง และช่วง1-2 สัปดาห์แรกก็พอส่วนเงินก้อนใหญ่หลังจากนั้น สามารถโอนตามภายหลัง หรืออีกวิธีหนึ่ง คือ กด ผ่านบัตรเอทีเอ็มไทยทุกธนาคารที่มีเครื่องหมาย PLUS ELECTRONโดยใช้กับเครื่องเอทีเอ็มที่มีเครื่องหมาย PLUS ทั่วไปของจีนซึ่งคิดค่าธรรมเนียมและมีส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนไม่มากดีกว่านำเงินสดไปทีเดียวเยอะๆซึ่งอันตรายมาก
การแต่งกายในวันเดินทาง ควรมีเสื้อแจ็คเก็ตติดตัวเพื่อใส่ขึ้นเครื่อง เผื่อว่าเวลาอยู่บนเครื่องอากาศหนาวโดยเฉพาะผู้ที่เดินทางตอนกลางคืนค่ะ
ระเบียบศุลกากร
1. อาหารสำเร็จรูป อาหารแห้งนำเข้าประเทศได้ ยกเว้น พืช ผัก ของสด นำเข้าไม่ได้
2. อนุญาตให้นำเข้าบุหรี่ไม่เกิน 400 มวน
3. เครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ไม่เกิน 2 ลิตร
4. เครื่องเงิน หรือ เครื่องทอง ไม่เกิน 50 กรัม
5. เงินสดไม่เกิน 20,000 หยวน โดยประมาณ
** ไม่อนุญาตให้นำเข้าผลไม้สดหรือแช่แข็ง
การเตรียมเงินไปเมืองจีนการเตรียมเงินไปเมืองจีนมี วิธีง่ายๆ คือ
1. ถือเงินหยวน
โดยทั่วไปรัฐบาลจีนให้บุคคลต่างชาติถือเงินเข้าประเทศได้ไม่เกิน20,000 หยวนต่อคน แต่ถ้าจะถือเข้าไปมากกว่านั้นก็ได้ แต่ต้องระมัดระวังและดูแลตัวเองให้ดีเมื่อไปถึงมหาวิทยาลัยก็นำเงินหยวนที่เราถือเข้าไปเปิดบัญชีธนาคารของประเทศจีนที่อยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย
ข้อดี ของการเปิดบัญชีธนาคารในจีน คือหากใช้เงินจนหมดหรือเงินที่มีอยู่ไม่พอใช้ ผู้ปกครองที่อยู่เมืองไทยก็สามารถโอนเงินไปให้ได้โดยโอนผ่านธนาคารที่อยู่ในประเทศไทยทุกแห่ง ค่าธรรมเนียมการโอนเงินต่างประเทศ1,150-1,300 บาท ต่อการโอน 1 บัญชี ระยะเวลาที่เงินจะถึงบัญชีประมาณไม่เกิน 5 วันทำการหรือโอนผ่านธนาคาร BANK OF CHINA ก็ได้ สถานที่ตั้งของ BANK OF CHINA อยู่ที่ถนนสาธร สี่แยกนราธิวาสฯ ค่าธรรมเนียมการโอนเงินแค่ 600 บาท เท่านั้น จะถูกกว่าการโอนเงินผ่าน ธนาคารของไทย (ระยะเวลาที่เงินจะถึงบัญชี ประมาณ 3-4 วันทาการ)
ข้อเสีย ของวิธีนี้คือ ผู้โอนเงินจากเมืองไทย จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการเงินโอนเงินระหว่างประเทศค่อนข้างสูงและจะต้องถูกคิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ไปโอนเงิน แถมปลายทางที่เมืองจีนกว่าจะได้รับเงินก็ค่อนข้างนาน
2. เราถือบัตรเอทีเอ็ม
ที่เป็นบัญชีธนาคารของเมืองไทยที่จีนพูดง่ายๆก็คือถือบัตรเอทีเอ็มที่เป็นบัญชีธนาคารของไทยที่มีอยู่ไปด้วย แต่ต้องสังเกตให้ดีว่าบัตรที่มีอยู่เป็นบัตรเอทีเอ็มที่สามารถไปกดเงินที่ต่างประเทศได้ ข้อสังเกต คือ หากมีบัตรเอทีเอ็ม ที่มีสัญลักษณ์PLUS บัตรเอทีเอ็มประเภทนี้จะสามารถนำไปกดเงินที่ต่างประเทศได้ แต่ต้องไปกดเฉพาะตู้ที่มีสัญลักษณ์ให้กดได้เท่านั้น
ข้อดี ของวิธีนี้ คือ
2.1 ผู้ปกครองไม่ต้องยุ่งยากอะไรเลยเพียงแค่นำเงินไปฝากเข้าบัญชีธนาคารที่เราถือบัตรเอทีเอ็มไปเท่านั้น ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการโอนต่างประเทศ หรืออัตราแลกเปลี่ยนอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว
2.2 เราอยู่ปลายทางเมืองจีน จะได้รับเงินที่ผู้ปกครองฝากให้ทันที สะดวก รวดเร็ว
ข้อเสีย ของวิธีนี้ คือ
เราจะเป็นผู้ถูกหักค่าธรรมเนียมต่างๆเองทั้งหมด คือ ทุกครั้งที่กดเงินที่เมืองจีนด้วยบัตรเอทีเอ็ม ที่เป็นบัตรของธนาคารในไทยจะกดเงินได้สูงสุดครั้งละ2,000 หยวน หรือบางตู้อาจจะกดได้ถึง 3,000 หยวน และการกดครั้งหนึ่ง จะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการกดประมาณ 20 หยวน หรือ 100 บาท และจะถูกคิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่กดด้วย ฉะนั้นผู้ปกครองที่เป็นผู้ฝากเงินเข้าบัญชีให้เราจะต้องเผื่อเงินไทยเอาไว้ในบัญชีให้เกินๆสักนิด ไม่ใช่ว่าฝากให้พอดีกับที่เราจะใช้ เพราะว่าเราจะไม่สามารถทราบได้เลยว่า ณ วันนั้น ที่เรากดเงินที่เมืองจีน เราจะถูกคิดอัตราแลกเปลี่ยนเงิน 1 หยวน เป็นเงินกี่บาท
เรื่องเงินปลอม
นอกจากเราจะโดนล้วงกระเป๋าเอาง่ายๆในเมืองจีนแล้ว เงินที่เราจะเอาเข้ากระเป๋าก็อาจจะเสี่ยงเจอเงินปลอมด้วย แบงค์ที่เจอกันบ่อยๆ คือ ธนบัตรใบละ100 หยวน และ 10 หยวน ส่วนโอกาสในการที่จะเจอมีอยู่แทบทุกครั้งของการใช้จ่ายรวมทั้งเวลาแลกเงินกับตลาดมืดด้วย
วิธีการตรวจดูว่าเป็นธนบัตรหยวนจริงหรือไม่ ให้หงายแบงค์ด้านที่มีรูปประธานเหมาเจ๋อตุงอยู่ทางขวา แล้วสังเกต4 ข้อ ดังนี้
ตรงช่องว่างสีขาวฝั่งซ้าย เมื่อส่องกับไฟ จะเห็นลายน้ำในรูปใบหน้าประธานเหมาเจ๋อ ตุง เวลาจับจะรู้สึกลื่นมือ
มุมบนขวาใต้ตัวเลข100 จะมองเห้นตัวเลข 100 ซ่อนอยู่ในวงกลมสีแดง เมื่อยกแบงก์ส่องแสง
ตัวเลข100 มุมล่าง ซ้ายจะโปร่งแสง
มุมล่างขวาจะสัมผัสพบอักษรเบรลล์นูนอย่างชัดเจน ตามมูลค่าของธนบัตรนั้นๆ
โทรศัพท์
ประเภทบัตรโทรศัพท์ที่ใช้ทั่วไปในประเทศจีน
IC CARD เป็นบัตรที่ใช้กับโทรศัพท์ทั่วไป มีผู้ให้บริการเจ้าใหญ่ คือ China Telecom แต่ละเมืองก็จะมีผู้ให้บริการหลักของเมืองนั้นๆ สังเกตจากชื่อเมืองตามด้วยคำว่า Telecom เช่น Beijing Telecom, Shanghai Telecom เวลาใช้ต้องใช้กับตู้ของยี่ห้อนั้นๆ ซึ่ง China Telecom จะได้เปรียบที่สุด เพราะมีตู้บริการอยู่ทั่วไป
ในประเทศจีน มีราคาตั้งแต่20-200 หยวน คิดค่าโทรตามแต่ละเมืองและระหว่างเมือง
IP CARD เป็นบัตรประเภท Pin Phone สำหรับใช้ควบคู่กับโทรศัพท์บ้าน หรือโทรศัพท์มือถือในการโทรทางไกลระหว่างประเทศ ช่วยค่าโทรถูกลง ส่วนใหญ่หมายเลขโทรศัพท์จะขึ้นต้นด้วย 179 ค่าโทรจะแตกต่างกันตามผู้ให้บริการ และแต่ละเมือง ต้องดูด้วยว่าเป็นบัตรที่โทรกลับเมืองไทยได้หรือไม่ เช่น ยี่ห้อ เป่ยจิงเถี่ยทง 北京铁通หมายเลข 17995 อัตราค่าโทรที่โฆษณา ไว้ในเวบไซด์ศูนย์ค้าส่งบัตรโทรศัพท์แห่งเมืองปักกิ่ง (http://www.336b.com/main.php?sLAN=cn) บอกว่าใช้โทรในจีน และโทรกลับไทยได้ในอัตราเดียวเพียง 0.3 หยวน/นาที ซื้อ 100 บาท แถมค่าโทร 100 บาท บัตร IP CARD นี้ ราคาหน้าร้านอาจจะถูกกว่าราคาบัตร201 CARD เป็นบัตร pin phone อีกประเภทหนึ่งสามารถใช้ได้เฉพาะในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เท่านั้น บัตรมีราคาตั้งแต่ 5-30 หยวน อัตราค่าโทร จะถูกกว่า IC CARD เหมาะแค่สาหรับติดต่อกับเพื่อนๆในมหาวิทยาลัยหรือที่พักอยู่ในเมืองเดียวกันเท่านั้น
** โทรศัพท์มือถือในไทยสามารถนำไปใช้ที่จีนได้นะคะ แล้วไปหาซื้อซิมใหม่ที่จีน ซิมมือถือก็มีราคาโปรโมชั่นร้อยแปดพันเก้าเหมือนเดิม ไปเมืองไหนค่อยไปเช็ครายละเอียดเอาทีหลังก็ได้
***อย่าลืมว่าถ้าใช้โทรกลับไทย ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์พื้นบานหรือมือถือให้ใช้คู่กับบัตร IP ทุกครั้ง
รหัสโทรศัพท์ที่สาคัญของจีน
– BEIJING – 010
– SHANGHAI – 021
– TIANJIN – 022
– DALIAN – 0411QINGDAO – 0532
– HARBIN – 0451
– HANGZHOU – 0571
– GUANGZHOU – 020
– KUNMING – 0871
– SHENZHEN – 0755
– XIAMEN – 0592
วิธีการโทรศัพท์ระหว่างเมืองจีนกับเมืองไทย
1. การโทรศัพท์จากประเทศจีนกลับประเทศไทย
00+ รหัสประเทศไทย (66) + รหัสเมือง เช่น กรุงเทพฯ (2) + เบอร์โทรศัพท์ เช่น 0066 2 462 7107 (ตัด 0 หน้าหมายเลข 2 ออกค่ะ)
00+ รหัสประเทศไทย (66) + เบอร์มือถือ (ตัด 0 ข้างหน้าออก) เช่น 0066 82 344 2476
2. การโทรศัพท์จากประเทศไทยไปประเทศจีน
008/009 + รหัสประเทศจีน (86) + รหัสเมือง เช่น ปักกิ่ง(10) + เบอร์ห้องพัก
008/009 + รหัสประเทศจีน (86) + เบอร์มือถือ
3. การใช้โทรศัพท์จากประเทศไทยไปประเทศจีนโดยใช้โทรศัพท์มือถือ
009 + รหัสประเทศจีน (86) + เบอร์มือถือที่ประเทศจีน
009 + รหัสประเทศจีน (86) + รหัสเมือง เช่น ปักกิ่ง (10) + เบอร์โทรศัพท์
เช่น ต้องการโทรเข้าเบอร์มือถือจีน เบอร์12345678900
มีวิธีการกด คือ009 86 12345678900
ต้องการโทรเข้าเบอร์ห้องพักหอหรือเบอร์บ้าน เบอร์88888888
มีวิธีการกด คือ009 86 10 88888888 (10 รหัสเมืองปักกิ่ง)
009 86 411 88888888 (411 รหัสเมืองต้าเหลียน)
วิธีการส่งSMS
1. ส่งจากเมืองจีนไปเมืองไทย
เบอร์มือถือที่เมืองจีนสามารถส่งมาที่ไทยได้เลย โดยไม่ต้องไปขอเปิดบริการใดๆเพิ่มเติม โดยกด0066 (รหัสเมืองไทย) + เบอร์มือถือที่เมืองไทย (ตัด 0 ข้างหน้าออก) เช่นเบอร์มือถือ 082-344-2476 ให้กด 0066 82 344 2476
2. ส่งจากเมืองไทยไปเมืองจีน
สามารถส่งได้เกือบทุกระบบ ยกเว้น ระบบของHutch ที่จะต้องขอเปิดใช้กับทางศูนย์ก่อน โดยกด 008/009 +86(รหัสเมืองจีน) + เบอร์มือถือที่เมืองจีน เช่น ถ้ามือถือเบอร์ 13812345678 ก็เพียงกด 008 86 13812345678